การส่งบทความ

คำแนะนำผู้แต่ง

คำแนะนำสำหรับผู้เขียนบทความส่งตีพิมพ์ วารสารวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมเชิงพื้นที่ (Journal of Science and Area-based Innovation: JSAI)

- การจัดทำต้นฉบับบทความและจัดเตรียมรูปแบบการเขียนและเอกสารอ้างอิง  คลิกเปิดดูรายละเอียดในไฟล์ Author Guidelines (PDF)

- Template Research Article (PDF),  - Template Research Article (DOCX)

- Template Review Article (PDF), - Template Review Article (DOCX)

วารสารวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมเชิงพื้นที่ (Journal of Science and Area-based Innovation: JSAI) เลข ISSN 3027-8163 (Online) เว็บไซต์  https://li05.tci-thaijo.org/index.php/JSAI/ เป็นวารสารของสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา มีวัตถุประสงค์เพื่อตีพิมพ์และเผยแพร่บทความวิชาการ บทความวิจัย และผลงานวิจัยที่ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่นําไปแก้ไขปัญหาและพัฒนาเชิงพื้นที่ในระดับกลุ่ม ชุมชน หมู่บ้าน ตำบล จังหวัดหรือกลุ่มจังหวัด เผยแพร่องค์ความรู้แก่นักวิชาการและบุคคลทั่วไป และส่งเสริมให้นักศึกษา นักวิชาการในหน่วยงานราชการ หรืออาจารย์ในมหาวิทยาลัยได้เสนอผลงานทางวิชาการสู่สาธารณะ โดยตีพิมพ์เผยแพร่ฉบับแรกในรูปแบบออนไลน์ผ่านระบบ Thai Journal Online System ในปี พ.ศ. 2567 มีกำหนดการออกเผยแพร่ราย 4 เดือน ปีละ 3 ฉบับ โดยบทความทุกเรื่อง ทุกฉบับจะได้รับการประเมินจากผู้ทรงคุณวุฒิทั้งจากภายในและภายนอกมหาวิทยาลัยจำนวน 3 ท่าน ในลักษณะการประเมินแบบ Double-blind peer review เพื่อให้ผู้เขียนสามารถเตรียมต้นฉบับได้ถูกต้องและได้มาตรฐานตามรูปแบบของวารสาร จึงขอชี้แจงดังนี้ ในขั้นตอนการส่งบทความ 

ผู้แต่งต้องตรวจสอบและปฏิบัติตามข้อกำหนดรายการตรวจสอบการส่งทุกข้อ ดังต่อไปนี้ และบทความอาจถูกส่งคืนให้กับผู้แต่งกรณีที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดทั้งหมด

รายการตรวจสอบก่อนส่งบทความ

• บทความเรื่องนี้ยังไม่เคยตีพิมพ์หรืออยู่ในระหว่างการพิจารณาเพื่อตีพิมพ์ในวารสารอื่น (หากมีกรุณาอธิบายในข้อความถึงบรรณาธิการ) / The submission has not been previously published, nor is it before another journal for consideration (or an explanation has been provided in Comments to the Editor). 
• บทความเตรียมในรูปแบบของไฟล์ Microsoft Word / The submission file is in Microsoft Word file format. 
• มีการให้ URLs ที่เข้าถึงได้ สำหรับเอกสารที่อ้างอิงจากอินเทอร์เน็ต / Where available, URLs for the references have been provided. 
• บทความพิมพ์แบบใช้ระยะห่างบรรทัดปกติ (single-spaced) ขนาดฟ้อนท์ตัวอักษร 16pt (ในภาษาไทย) และ 12 pt (เฉพาะภาษาอังกฤษทั้งบทความ) ใช้ตัวเอนแทนการขีดเส้นใต้สำหรับสังกัดผู้แต่ง (ยกเว้น ที่อยู่ URL) และ ระบุข้อมูล รูปวาด รูปภาพ และตาราง ในตำแหน่งที่เหมาะสม เป็นตามข้อกำหนดของวารสาร / The text is single-spaced; uses a 16-point font (in Thai); employs italics, rather than underlining (except with URL addresses); and all illustrations, figures, and tables are placed within the text at the appropriate points, rather than at the end. 
• บทความเตรียมตามข้อกำหนด ทั้งในด้านของรูปแบบและการเขียนเอกสารอ้างอิง ตามคำแนะนำสำหรับผู้แต่ง (Author Guidelines) / The text adheres to the stylistic and bibliographic requirements outlined in the Author Guidelines, which is found in About the Journal. 
• กรณีส่งบทความที่ต้องผ่านการประเมินแบบ Peer-review กรุณาตรวจสอบว่าได้ปิดบังข้อมูลของผู้แต่งเรียบร้อยแล้ว / If submitting to a peer-reviewed section of the journal, the instructions in Ensuring a Blind Review have been followed. 
• กรณีส่งบทความที่ต้องผ่านการประเมินแบบ Peer-review กรุณาตรวจสอบว่าได้ปิดบังข้อมูลของผู้แต่งเรียบร้อยแล้ว / If submitting to a peer-reviewed section of the journal, the instructions in Ensuring a Blind Review have been followed.

เกณฑ์การประเมินบทความ

วารสารมีกระบวนการประเมินคุณภาพจากผู้ทรงคุณวุฒิก่อนตีพิมพ์ โดยบทความที่ตีพิมพ์เผยแพร่บทความทุกเรื่องจะผ่านการประเมินโดยผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่านตรงตามสาขาวิชาและความเชี่ยวชาญ ในลักษณะปกปิดรายชื่อ (Double blind peer-reviewed) ทั้งนี้บทความจากผู้นิพนธ์ภายในจะได้รับการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกหน่วยงานที่จัดทำวารสาร และไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้นิพนธ์ ซึ่งจะทำให้เกิดความเข้มข้นในการประเมินคุณภาพบทความก่อนออกตีพิมพ์เผยแพร่สู่สาธารณะ ซึ่งจําแนกเป็นสรุปผลการพิจารณา 4 ระดับ ดังนี้

81-100 คะแนน แก้ไขน้อย ก่อนการตีพิมพ์เผยแพร่

61-80  คะแนน แก้ไขปานกลางก่อนตีพิมพ์เผยแพร่

41-60  คะแนน แก้ไขมาก โดยให้แก้ไขใหม่และส่งประเมินอีกครั้ง

1-40    คะแนน ไม่เหมาะสมที่จะตีพิมพ์เผยแพร่

ผลการประเมินบทความต้องมีคะแนนรวมตั้งแต่ 61 คะแนนขึ้นไปเท่านั้น จึงจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาตีพิมพ์บทความ