ความถี่ในการเก็บเกี่ยวผลผลิตที่เหมาะสมต่อการเพิ่มจำนวน ของคาลานอยด์โคพีพอด Parvocalanus crassirostris

ผู้แต่ง

  • ดวงทิพย์ อู่เงิน สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา ประเทศไทย
  • วรเทพ มุธุวรรณ สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา ประเทศไทย
  • สรณฐ โชติพัทธ คณะสัตวศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยศิลปากร ประเทศไทย
  • วิรชา เจริญดี สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา ประเทศไทย
  • วิไลวรรณ พวงสันเทียะ สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา ประเทศไทย
  • พัชริดา รัตนวัฒนาพงษ์ สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา ประเทศไทย

คำสำคัญ:

ความถี่ , การเก็บเกี่ยวผลผลิต , คาลานอยด์โคพีพอด (Parvocalanus crassirostris)

บทคัดย่อ

วัตถุประสงค์และที่มา : Parvocalanus crassirostris เป็นคาลานอยล์โคพีพอด (Calanoid copepod) มีนอเพลียสขนาดเล็กที่มีความสำคัญทางนิเวศวิทยาและคุณค่าทางโภชนาการสูง มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับอนุบาลปลาทะเลสวยงามวัยอ่อน โคพีพอดชนิดนี้มีลักษณะเด่นคือ ระยะนอเพลียสมีขนาดเล็ก วงจรชีวิตมีพัฒนาการเร็วและมีคุณค่าทางอาหารสูง  และมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสายยาวที่จำเป็น (PUFAs) เช่น DHA และ EPA ซึ่งมีบทบาทที่สำคัญต่อการเจริญเติบโต การสร้างสีในปริมาณมาก ส่งผลช่วยให้ลูกปลาที่ได้รับโคพีพอดชนิดนี้มีอัตรารอดสูง และด้วยขนาดของระยะนอเพลียสที่เล็ก จึงทำให้เป็นชนิดที่มีการนำมาใช้ในการอนุบาลปลาทะเลสวยงามตามแนวปะการังเลี้ยงยาก เช่น ปลาผีเสื้อ ปลาสินสมุทรและปลาที่มีปากขนาดเล็กอื่นๆ พบได้ทั่วไปในน่านน้ำเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน ร่วมถึงน่านน้ำในแถบฮาวายและน่านน้ำในประเทศไทย และเป็นชนิดที่มีงานวิจัยเกี่ยวกับการปรับปรุงเทคนิคการเพาะเลี้ยงและการเพิ่มผลผลิตทั้งในระดับห้องปฏิบัติการและเชิงพาณิชย์มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีศักยภาพสูงแต่การผลิต P. crassirostris อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพยังเป็นเรื่องท้าทาย เนื่องจากต้องรักษาสมดุลระหว่างการเก็บเกี่ยวกับความคงตัวของประชากร งานวิจัยนี้ได้เน้นถึงความสำคัญของการหาช่วงเวลาการเก็บเกี่ยวที่เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงการเก็บเกี่ยวมากเกินไปและรักษาผลผลิตให้สูง ดังนั้น งานวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อหาความถี่ในการเก็บเกี่ยวที่เหมาะสมที่สุดของ P. crassirostris ในระยะนอเพลียสและโคพีโพดิด เพื่อพัฒนาแนวทางสำหรับระบบการผลิตในระดับโรงเพาะฟักต่อไป

วิธีดำเนินการวิจัย : วางแผนการทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์ (CRD) แบ่งการทดลองเป็น 4 ชุดการทดลอง ประกอบด้วยไม่เก็บเกี่ยวผลผลิต (ชุดควบคุม) เก็บเกี่ยวผลผลิตวันเว้นวัน เก็บเกี่ยวผลผลิตทุก 3 วันครั้ง และเก็บเกี่ยวผลผลิตทุก 5 วันครั้ง โดยเก็บเกี่ยวในอัตรา 20 เปอร์เซ็นต์ ของน้ำในแต่ละตู้ทดลองต่อครั้ง  ทำการทดลองในตู้กระจกความจุน้ำ 5 ลิตร จำนวน  12  ตู้ ละ 3 ซ้ำ โคพีพอดที่ใช้ในการทดลองได้มาจากโคพีพอดที่คัดแยกมาจากแนวชายฝั่งของสถานีวิจัยย่อยชะอำ สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล ม.บูรพา อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ที่เลี้ยงในตู้ขนาด 100 ลิตร ใช้โคพีพอดที่ความหนาแน่นเริ่มต้น (±SE) 1.99±0.13 ตัวต่อมิลลิลิตร ให้แพลงก์ตอนพืช Chaetoceros sp. และ Isocrysis galbana ความหนาแน่นชนิดละ 75,000 เซลล์ต่อมิลลิตร ทุกวันละ 1 ครั้ง เลี้ยงที่อุณหภูมิห้อง ที่ความเค็ม 28 ppt ให้แสงตลอดเวลา 24 ชั่วโมง การจัดการระหว่างการเลี้ยง โดยการดูดตะกอนก้นตู้และเปลี่ยนถ่าย 20 เปอร์เซ็นต์ ทุก 3 วัน และตรวจสอบจำนวนความหนาแน่นทุก 2 วัน โดยทำการสุ่มตัวอย่างในตู้ทดลองจำนวน 49 มิลลิลิตร เติมน้ำยารักษาสภาพ 10% Neutral buffered formalin 1 มิลลิลิตร ก่อนนำไปนับความหนาแน่นภายใต้กล้องจุลทรรศน์สเตอริโอ ((Olympus SZ). ตัวอย่างความหนาแน่น อัตราการเติบโตจำเพาะและระยะการเจริญเติบโตที่พบ (นอเพลียส โคพีโพดิด ตัวเต็มวัย) ทำการทดลองเป็นเวลา 21 วัน  

ผลการวิจัย : ผลของการเก็บเกี่ยวผลผลิตโคพีพอดในความถี่ที่ต่างกัน พบว่าการเก็บเกี่ยวผลผลิตวันเว้นวันดีที่สุด เนื่องจากสามารถเก็บรวบรวมโคพีพอดได้ทั้งหมดตลอดการทดลอง 6,170 ตัว (ร้อยละ 60) รองลงมา คือ การเก็บเกี่ยวผลผลิตทุก 3 วันครั้ง จำนวน 2,527.78 ตัว (ร้อยละ 25) และการเก็บเกี่ยวผลผลิต 5 วันครั้ง เก็บเกี่ยวผลผลิตได้น้อยสุด จำนวน 1,511.11 ตัว (ร้อยละ 15) ในขณะที่ชุดควบคุมไม่มีการเก็บเกี่ยวผลผลิต เมื่อเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของความหนาแน่นของโคพีพอดที่มีการเก็บเกี่ยวผลผลิตในช่วงเวลาที่ต่างกันพบว่า การเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ต่างกันไม่มีผล (P>0.05) ต่อรูปแบบการเปลี่ยนแปลงความหนาแน่นที่เพิ่มจำนวนขึ้นในช่วงแรกมีความหนาแน่นสูงสุดในวันที่ 4-6 ของการทดลอง มีความหนาแน่นมีค่าเฉลี่ย (±SE) เท่ากับ 3.33±0.33, 4.53±0.82, 3.43±0.23, 3.22±0.39 ตัวต่อมิลลิลิตร ก่อนมีแนวโน้มจำนวนความหนาแน่นลดลงน้อยกว่า 1 ในวันที่ 14 มีค่าเฉลี่ย (±SE) เท่ากับ 0.31±0.08, 0.36±0.09, 0.33±0.07, 0.24±0.04 ตัวต่อมิลลิลิตร ตามลำดับ  มีอัตราการเจริญเติบโตจำเพาะไม่ต่างกัน (P>0.05) พบโคพีพอดที่เก็บเกี่ยวอาหารต่างกันมีอัตราการเจริญเติบโตจำเพาะเมื่อทำการทดลองครบ 21 วัน มีค่าเฉลี่ย (±SE) เท่ากับ 0.06±0.125, 0.14±0.14, 0.21±0.11, 0.002±0.14 ต่อวัน และไม่มีผลต่อสัดส่วนร้อยละระยะตัวเต็มวัย (Adult) (ร้อยละ 36.19, 59.04, 71.76, 28.11) โคพีโพดิด (copepodite) (ร้อยละ 9.57, 20.16, 14.51, 13.11) และนอเพลียส (nauplii) (ร้อยละ 54.24, 20.28, 13.76, 58.78)

สรุปผลการวิจัย : ผลการศึกษายืนยันว่าการเก็บเกี่ยววันเว้นวันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการเพิ่มผลผลิตโดยไม่ทำลายเสถียรภาพของประชากร วิธีนี้ช่วยให้สามารถเก็บนอเพลียสและโคพีโพดิดในช่วงเวลาที่มีคุณค่าสูงสุดทางโภชนาการ เหมาะสำหรับการเพาะเลี้ยงลูกปลา เมื่อเปรียบเทียบกับการเก็บเกี่ยวที่ห่างกว่า (ทุก 3 หรือ 5 วัน) พบว่าการเก็บทุกวันเว้นวันสามารถรักษาการมีอาหารมีชีวิตอย่างต่อเนื่อง และป้องกันความผันผวนของประชากรซึ่งอาจนำไปสู่ความเครียดหรือการลดประสิทธิภาพการสืบพันธุ์ ผลลัพธ์นี้สอดคล้องกับงานวิจัยก่อนหน้าของคาลานอยด์โคพีพอด ที่ระบุถึงประโยชน์ของการเก็บเกี่ยวบ่อยในปริมาณเหมาะสมต่อสุขภาพและความสามารถในการผลิตของระบบเพาะเลี้ยง จากผลการศึกษาสรุปได้ว่า การเลี้ยงโคพีพอด P. crassirostris เพื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตไปอนุบาลสัตว์ทะเลสวยงามวัยอ่อน ควรมีการเก็บเกี่ยวผลผลิตทุกวันเว้นวันเหมาะสมที่สุด โดยไม่มีผลกระทบต่อความหนาแน่นของโคพีพอดและสามารถเก็บรวบรวมจำนวนโคพีพอดในระยะที่ต้องการได้สูงสุด ในขณะที่วิธีการไม่เก็บเกี่ยวผลผลิตอาจใช้สำหรับการเก็บรักษาสายพันธุ์เพื่อนำไปเพิ่มจำนวนในฟาร์มต่อไป งานวิจัยนี้ยังชี้ให้เห็นถึงศักยภาพในการพัฒนาเทคนิคการเพาะเลี้ยงโคพีพอดแบบหนาแน่นและระบบกึ่งหมุนเวียนน้ำ        เพื่อรองรับการผลิตในระดับอุตสาหกรรม ข้อมูลจากงานวิจัยนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพการเพาะเลี้ยงโคพีพอดให้มีผลผลิตสูงต่อเนื่องและลดต้นทุนในอนาคต

     

เอกสารอ้างอิง

Alajmi, F., Zeng, C., & Jerry, D. (2015). Domestication as a Novel Approach for Improving the Cultivation of Calanoid Copepods: A Case Study with Parvocalanus crassirostris. PLoS ONE, 10, e0133269. doi:10.1371/journal.pone.0133269

Amerian Public Health Association, American Water Work Association, and Water Environment Federation. (1995). Standard method for the examination of water and wastewater. 19th ed. APHA, Washington, D.C.

Bendif, E.M., Probert, I., Schroeder, D. C., & de Vargas, C. (2013). On the description of Tisochrysis lutea gen. nov. sp. nov. and Isochrysis nuda sp. nov. in the Isochrysidales, and the transfer of Dicrateria to the Prymnesiales (Haptophyta). J Appl Phycol, 25, 1763–1776.

Boxshall, G.A., & Halsey, S.H. (2004). An introduction to copepod diversity. Ray Society, Andover, U.K.

Burgess, A., & Callan, C. (2018). Effects of supplemental wild zooplankton on prey preference, mouth gape, osteological development and survival in first feeding cultured larval yellow tang (Zebrasoma flavescens). Aquaculture, 495, doi:10.1016/j.aquaculture.2018.06.046

Gamiao, S., Maria Haws, C., Tim, G., Chatham, C., & Carla. (2021). Survival in Parvocalanus crassiorostris cultures treated with commercial probiotic. In a thesis submitted to the graduate division of the University of Hawai’i at Holo in partial fulfillment of the requirements for the degree of master of science, 58 p.

Guillard, R. R. L., & Ryther, J. H. (1962). Studies of marine planktonic diatoms. I. Cyclotella nana Hustedt and Detonula confervacea (Cleve) Gran. Canadian Journal of Microbiology, 8(2), 229–239. doi.org/10.1139/m62-029.

Helm, M. M., & Laing, I. (1987). Preliminary observations on the nutritional value of ‘Tahiti Isochrysis’ to bivalve larvae. Aquaculture, 62, 281–288.

Humes, A.G., (1994). How many copepods? Hydrobiologia, 292–293, 1–7.

Kline, D. M., Chatham, K. C., & Charles, W. L. (2014). Advances in intensive copepod production technology. Global Aquaculture advocate. Retrieved from https://www.aquaculturealliance.org/advocate/advances-in-intensive-copepod-production-technology/?headlessPrint=AAAAAPIA9c8r7gs82oWZBA

Kline, M. D., & Laidley, C. W. (2015). Development of intensive copepod culture technology for Parvocalanus crassirostris: Optimizing adult density. Aquaculture, 435, 128-136.

Laidley, C. W., Burnell, A. F., Shields, R. J., Molnar, A., & Kotani, T. (2004). Marine ornamentals: captive culture progress at the Oceanic Institute. Global Aquaculture Advocate, 7, 53-54.

Lawson, T. J., & Grice, G. D. (1973). The developmental stages of Paracalanus crassirostris Dahl, 1894 (Copepoda, Calanoida). Crustaceana, 24(1), 43-56.

Liao, I.C., K.H. Su , & J.H. Lin, 1983. Larval foods for Penaeid prawn. In: CRC Handbook of Mariculture. Vol-1. Crustacean Aquaculture (J.P. McVey ed.). CRC press, Florida. pp. 43-69.

Liu, C. H., & Lin, H. J. (2001). Growth and fatty acid composition of the tropical marine haptophyte Isochrysis galbana and its related species. Aquaculture, 201(1–2), 135–150. doi.org/10.1016/S0044-8486(01)00552-2

McKinnon, A., Duggan, S., Nichols, P.D., Rimmer, M.A., Semmens, G.L., & Robino, B. (2003).The potential of tropical paracalanid copepods as live feeds in aquaculture. Aquaculture, 223, 89–106.

Okauchi M, Kawamura K, & Mizukami Y. (1997). Nutritive value of ‘Tahiti Isochrysis’ Isochrysis sp. for larval greasy back shrimp, Metapenaeus ensis. Bull Natl Res Inst Aquacult, 26, 1–11.

Payne, M.F., Rippingale, R.J., & Cleary, J.J. (2001). Cultured copepods as food for West Australian dhufish (Glaucosoma hebraicum) and pink snapper (Pagrus auratus) larvae. Aquaculture, 194, 137–150.

Payne, M.F., & Rippingale, R.J. (2001). Intensive cultivation of the calanoid copepod Gladioferens imparipes. Aquaculture , 201, 329–342.

Santhosh B., Anil M. K., Muhammed Anzeer F., Aneesh K. S., Mijo V. Abraham, Gopakumar G., Rani Mary George, Gopalakrishnan A. , & Unnikrishnan C. (2018). Culture Techniques of marine Copepods. CMFRI Booklet No.9/2018. ISBN 978-93-82263-23-4. Indian Council of Agricultural Research Central Marine Fisheries Research Institute, 142 p.

Shields, R. J., & Laidley, C. W. (2003). Intensively cultured paracalanid copepods: High quality diet for small tropical marine fish larvae? Global Aquaculture Advocate, 6(6), 80 p.

Shields, R.J., Kotani, T., Molnar, A., Marion, K., Kobashigawa, J., & Tang, L. (2005). Intensive cultivation of a subtropical paracalanid copepod, Parvocalanus sp., as prey for small marine fish larvae. Copepods Aquac, 209–223.

Solorzano, L. (1969). Determination of ammonia in natural water by the phenol hypochlorite method 1 1 This research was fully supported by U.S Atomic Energy Commission contract no. ATS (11-1) Gen 10, P.A. 20. Limnology and Oceanography, 14(5), 799-801. doi:10.4319/LO.1969.14.5.0799

Støttrup, J.J. (2000). The elusive copepods: their production and suitability in marine aquaculture. Aquac. Res, 31, 709–711.

Strickland, J.D.H., & Parsons, T.R. (1977). A Practical Handbook of Seawater Analysis. Minister of Supply and Services, Canada.

Valencia, T, G. A., Merino, G. E., Prieto-Guevara, M. J., Acosta Portillo, J. E., López Arboleda, J. E., & Chapman, F. A. (2022). Spawning Parvocalanus crassirostris at a high adult density: Explaining low adult population numbers and means for improving their intensive culture. Aquaculture, 546, 737347. doi.org/10.1016/j.aquaculture.2021.737347

van der Meeren, T., Olsen, R. E., Hamre, K., & Fyhn, H. J. (2008). Biochemical composition of copepods for evaluation of feed quality in production of juvenile marine fish. Aquaculture, 274 (2–4), 375–397. doi.org/10.1016/j.aquaculture.2007.11.041

Williamson, A., Blandon, I., Scarpa, J., Vega, R., & Siccardi, A. (2020). Copepod propagation and use as a live food for fish larviculture. Journal of the World Aquaculture Society, 51(4), 789–812. doi.org/10.1111/jwas.12697

Wiradana, P., Anjani, S., Yusup, D., Wiryatno, J., Melianawati, R., Nege, A., & Soegianto, A. (2020). Copepod growth populations (Acartia sp.) in outdoor mass culture tanks: Exploring natural feed potentials for sustainable aquaculture. Ecology, Environment and Conservation, 26, 2020-1383.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-10-28

รูปแบบการอ้างอิง

อู่เงิน ด., มุธุวรรณ ว., โชติพัทธ ส., เจริญดี ว. ., พวงสันเทียะ ว. ., & รัตนวัฒนาพงษ์ พ. . (2025). ความถี่ในการเก็บเกี่ยวผลผลิตที่เหมาะสมต่อการเพิ่มจำนวน ของคาลานอยด์โคพีพอด Parvocalanus crassirostris. วารสารวิทยาศาสตร์บูรพา, 30(3 September-December), 848–865. สืบค้น จาก https://li05.tci-thaijo.org/index.php/buuscij/article/view/757