การจำแนกลายผ้าไทย 12 ลายด้วยเทคนิคการเรียนรู้เชิงลึก
คำสำคัญ:
การเรียนรู้เชิงลึก , โครงข่ายประสาทเทียม , ลายผ้าบทคัดย่อ
วัตถุประสงค์และที่มา: ผ้าทอไทยไม่เพียงแต่เป็นเครื่องนุ่งห่ม แต่ยังเป็นองค์ประกอบสำคัญของมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้ของชาติไทย ซึ่งถักทอเรื่องราว ประวัติศาสตร์ ภูมิปัญญา และสะท้อนอัตลักษณ์ของชุมชนท้องถิ่นมายาวนาน การทอผ้าในประเทศไทยมีประวัติศาสตร์ย้อนกลับไปถึงยุคก่อนประวัติศาสตร์ โดยใช้วัสดุธรรมชาติอย่างฝ้ายและไหมในการสร้างสรรค์ ในแต่ละภูมิภาคลวดลายผ้าได้ถูกพัฒนาให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งสะท้อนถึงสภาพแวดล้อม ความเชื่อทางศาสนา และโครงสร้างทางสังคม ลวดลายเหล่านี้จึงเปรียบเสมือนบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่ไร้ตัวอักษร ทำหน้าที่ส่งต่อภูมิปัญญาจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้ผ้าทอไทยกลายเป็นสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่ายิ่ง อย่างไรก็ตาม การอนุรักษ์ จัดเก็บ และจำแนกลวดลายผ้าทอที่มีความหลากหลายและซับซ้อนนั้นยังคงเป็นความท้าทายที่สำคัญ องค์ความรู้และความชำนาญในการจดจำลวดลายที่ซับซ้อนมักจำกัดอยู่ในกลุ่มช่างทออาวุโส ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะสูญหายไปพร้อมกับการลดจำนวนลงของช่างฝีมือเหล่านี้ นอกจากนี้ ความหลากหลายและความคล้ายคลึงกันของลายผ้าทำให้การจำแนกประเภทอย่างแม่นยำเป็นเรื่องยากสำหรับ คนทั่วไป อุปสรรคเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นข้อจำกัดในการจัดทำฐานข้อมูลที่เป็นมาตรฐาน แต่ยังส่งผลกระทบต่อการศึกษา และการต่อยอดในเชิงพาณิชย์อีกด้วย ด้วยความท้าทายดังกล่าว งานวิจัยนี้จึงนำเสนอการศึกษาความเป็นไปได้ในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเรียนรู้เชิงลึก เพื่อพัฒนาระบบจำแนกลายผ้าไทย เทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึกและโครงข่ายประสาทเทียมที่มีความสามารถโดดเด่นในการจดจำและวิเคราะห์รูปแบบภาพ ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งกับการจำแนกรายละเอียดที่ซับซ้อนของลวดลายบนผืนผ้า การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีนี้สอดคล้องกับแนวโน้มระดับสากลในการใช้ AI เพื่อการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม และเป็นการวางรากฐานทางเทคโนโลยีที่สำคัญสำหรับการจัดทำคลังข้อมูลดิจิทัล การอนุรักษ์มรดก และการเผยแพร่องค์ความรู้ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
วิธีดำเนินการวิจัย: ในการดำเนินงานวิจัยนี้ได้มีการรวบรวมชุดข้อมูลภาพลายผ้าไทย 12 ลาย ประกอบด้วย ลายกระจับ,ลายขาเปีย, ลายคมห้า, ลายดอกรักราชกัญญา, ลายนกยูง, ลายฟองน้ำ, ลายมูลสีคราม, ลายเมล็ดข้าวผสมดอกดาวเรือง, ลายวชิรภักดิ์, ลายหมี่คั่นนาคโบราณ, ลายแห และลายโสร่ง โดยแต่ละลายมีจำนวน 120 ภาพ รวมทั้งสิ้น 1,440 ภาพ ชุดข้อมูลทั้งหมดได้ผ่านกระบวนการเตรียมข้อมูลเพื่อให้มีความเหมาะสมและเพิ่มความทนทานของแบบจำลอง เริ่มตั้งแต่การปรับขนาดภาพทั้งหมดให้เป็น 224x224 พิกเซล การปรับปรุงคอนทราสต์โดยใช้เทคนิคการปรับสมดุลฮิสโตแกรม กับช่องความสว่าง (Y) เพื่อให้ลายผ้าโดดเด่นขึ้น การลดสัญญาณรบกวนด้วยฟิลเตอร์ bilateral เพื่อรักษาความคมของขอบลายผ้า การเพิ่มความคมชัดของขอบด้วยฟิลเตอร์ kernel เพื่อช่วยให้โมเดลตรวจจับลักษณะเฉพาะได้ง่ายขึ้น และการทำให้เป็นมาตรฐาน โดยปรับค่าสีของพิกเซลให้อยู่ในช่วง 0.0 ถึง 1.0 นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคนิคการเพิ่มข้อมูล เช่น การหมุนภาพและการพลิกภาพ เพื่อป้องกันการเกิดภาวะการเรียนรู้เกิน จากนั้นชุดข้อมูลถูกแบ่งออกเป็นชุดสำหรับฝึกสอนและตรวจสอบ 80% (1,152 ภาพ) และชุดสำหรับทดสอบ 20% (288 ภาพ) งานวิจัยนี้ได้ประเมินประสิทธิภาพของโมเดลการเรียนรู้เชิงลึก 6 รูปแบบที่แตกต่างกัน ได้แก่ Custom_CNN: แบบจำลองที่ออกแบบขึ้นโดยเฉพาะสำหรับงานวิจัยนี้ VGG16: โมเดลที่มีโครงสร้างเรียบง่ายแต่มีความลึก 16 ชั้น ResNet50: โมเดลลึก 50 ชั้นที่ใช้เทคนิค Residual Connections เพื่อแก้ปัญหาการเลือนหายของเกรเดียน MobileNetV2: โมเดลน้ำหนักเบาที่ออกแบบมาสำหรับอุปกรณ์พกพา InceptionV3: โมเดลที่สามารถสกัดคุณลักษณะได้จากหลายระดับขนาดภายในชั้นเดียวกัน DenseNet121: โมเดลที่โดดเด่นด้วยการเชื่อมต่อแบบหนาแน่นเพื่อส่งเสริมการนำคุณลักษณะกลับมาใช้ใหม่
ผลการวิจัย: ผลการทดลองบนชุดข้อมูลทดสอบชี้ให้เห็นว่าโมเดล Custom_CNN มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมีความแม่นยำโดยรวมสูงถึง 99.65% สามารถทำนายภาพได้ถูกต้อง 287 ภาพจาก 288 ภาพ ตามมาด้วยโมเดล VGG16 ที่มีความแม่นยำ 99.31% และ DenseNet121 ที่ 98.61% ในทางตรงกันข้าม โมเดล ResNet50 กลับให้ประสิทธิภาพต่ำที่สุดอย่างมีนัยสำคัญที่ 81.25% โดยทำนายภาพผิดพลาดถึง 54 ภาพ
สรุปผลการวิจัย: ผลการวิจัยนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการเลือกโมเดลที่เหมาะสมกับลักษณะของชุดข้อมูล การที่โมเดล Custom_CNN ซึ่งมีโครงสร้างไม่ซับซ้อนสามารถให้ประสิทธิภาพสูงสุดได้นั้น อาจอธิบายได้ว่าชุดข้อมูลลายผ้าไทยเป็นชุดข้อมูลที่มีความเฉพาะทางสูงและมีคุณภาพดี ทำให้โมเดลที่มีความซับซ้อนมากเกินไปอย่าง ResNet50 ซึ่งออกแบบมาสำหรับชุดข้อมูลที่ใหญ่และหลากหลายกว่าอย่าง ImageNet อาจเกิดภาวะการเรียนรู้เกิน กล่าวคือ โมเดลที่ซับซ้อนเกินไปอาจเริ่มจดจำรายละเอียดของข้อมูลฝึกฝนแทนที่จะเรียนรู้คุณลักษณะทั่วไปของลายผ้า ความลึกที่มากเกินไปและคุณลักษณะระดับสูงที่เรียนรู้มาจากชุดข้อมูลอื่นอาจไม่เหมาะสมกับคุณลักษณะเชิงพื้นผิวที่ละเอียดอ่อนของลายผ้า ทำให้โมเดลไม่สามารถปรับตัวเข้ากับงานใหม่ได้ดี งานวิจัยนี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการสร้างระบบจำแนกลายผ้าไทย 12 ชนิดที่มีความแม่นยำสูง แต่ยังเป็นการวางรากฐานทางเทคโนโลยีที่สำคัญสำหรับการสร้างคลังข้อมูลดิจิทัลเพื่อการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมและเผยแพร่องค์ความรู้ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ข้อค้นพบนี้ยังเน้นย้ำว่าโมเดลที่ดีที่สุดไม่จำเป็นต้องเป็นโมเดลที่ซับซ้อนที่สุดเสมอไป แต่คือโมเดลที่เหมาะสมกับลักษณะของปัญหาและชุดข้อมูลมากที่สุด
เอกสารอ้างอิง
Albelwi, S. A. (2022). Deep Architecture based on DenseNet-121 Model for Weather Image Recognition. International Journal of Advanced Computer Science and Applications, 13(10), 559-565.
Chaichana, C., Wongkalasin, S., & Jiamram, C. (2022). A Development of Information Retrieval System of Indigo Fabric Pattern with Deep Learning Techniques. UTK RESEARCH JOURNAL, 16(1), 68–83. (in Thai)
Cychnerski, J., Brzeski, A., & Trojanowicz, M. (2017). Clothes detection and classification using convolutional neural networks. IEEE International Conference on Image Processing (ICIP).
Ermatita, Noprisson, H., & Abdiansah. (2024). Palembang songket fabric motif image detection with data augmentation based on ResNet using dropout. Bulletin of Electrical Engineering and Informatics, 13(3), 1991-1999.
Ghosh, J., & Gupta, S. (2023). ADAM Optimizer and CATEGORICAL CROSSENTROPY Loss Function-Based CNN Method for Diagnosing Colorectal Cancer. In 2023 International Conference on Computational Intelligence and Sustainable Engineering Solutions (CISES). (pp. 470–474). IEEE.
He, K., Zhang, X., Ren, S., & Sun, J. (2016). Deep residual learning for image recognition. In Proceedings of the IEEE conference on computer vision and pattern recognition. (pp. 770-778).
Hussain, M., Khan, S. D., & Ahmad, J. (2020). Woven fabric pattern recognition and classification based on deep convolutional neural networks. Electronics, 9(6), 1048.
Ingo, N., Phatichaikiart, B., & Tongleamnak, S. (2023). Thai Silk Patterns Classification with Deep Neural Networks. Journal of Applied Informatics and Technology, 5(2), 116-129.(in Thai)
Mbonu, C. E., Anigbogu, K., Asogwa, D., & Belonwu, T. (2025). An Explorative Analysis of SVM Classifier and ResNet50 Architecture on African Food Classification. arXiv preprint arXiv:2505.13923.
Muangkarn, P., Suanoom, C., & Phopan, W. (2025). Designing Cotton Weaving Patterns Using Mathematical Knowledge of Boolean Operations. Asian Creative Architecture, Art and Design: ACAAD, 38(1), 1-15. (in Thai)
Poonsilp, K. (2018). The Development of Thai Local Woven Fabric Pattern Recognition. Veridian E-Journal,Silpakorn University, 11(3), 2056-2068. (in Thai)
Sandler, M., Howard, A., Zhu, M., Zhmoginov, A., & Chen, L. C. (2018). MobileNetV2: Inverted residuals and linear bottlenecks. Proceedings of the IEEE conference on computer vision and pattern recognition, 4510-4520.
Simonyan, K., & Zisserman, A. (2014). Very deep convolutional networks for large-scale image recognition. arXiv preprint arXiv:1409.1556.
Viswanath. C. Burkapalli, & Priyadarshini. C. Patil. (2020). An efficient food image classification by inception-V3 based cnns. International Journal of Scientific & Technology Research, 9(3), 6987–6992.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
Burapha Science Journal is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0) licence, unless otherwise stated. Please read our Policies page for more information
